ด้วยการทำงานในยุค New Normal โหมด Work From Hom แบบนี้ การสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อช่วยกระตุ้นให้เรามีความพร้อม ตั้งใจในการทำงาน และมีความสุขกับการทำงานได้แม้จะทำงานอยู่ที่บ้าน หรือพื้นที่พักอาศัยต่างๆ ด้วยทริคการจัดมุมทำงานช่วง WFH เหล่านี้

1. เลือกมุมทำงานที่มีแสงสว่างและอากาศถ่ายเทจากธรรมชาติได้ทั่วถึง 

เนื่องจากแสงจากธรรมชาติจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างสบายตาที่สุด และยังช่วยประหยัดค่าไฟในขณะที่ทำงานตอนเช้า หรือตอนบ่าย โดยอาจเลือกติดตั้งเป็นหน้าต่างกระจกบานเลื่อนที่สามารถทำให้แสงผ่าน พร้อมมีลมเข้าได้ ด้วยการติดตั้งแบบมีมุ้งลวด จะช่วยให้อากาศถ่ายเทเข้ามาในห้องหรือมุมทำงานได้อย่างเต็มที่ และป้องกันแมลง หรือสัตว์ปีกต่างๆ บินเข้ามารบกวนได้ด้วยเช่นกัน และด้วยสีของหน้าต่างบานเลื่อนทั้ง 3 สี คือ สีขาว สีดำ และสีชา จะช่วยทำให้พื้นที่ทำงานนั้นๆ ดูโล่ง ปลอดโปร่ง และสบายตาได้ยิ่งขึ้น 

โดยเรามีข้อมูลมาแชร์ในการเลือกสีหน้าต่างและประตูบานเลื่อนกระจกให้เข้ากับพื้นที่ต่างๆ  ดังนี้

• หน้าต่างและประตูบานเลื่อนกระจกสีขาว 

เหมาะกับห้อง หรือมุมทำงานที่มีพื้นผนังสีสันสดใส สว่าง ไม่ทึบ เน้นทำให้พื้นที่นั้นๆ ดูมีความเรียบง่าย ดูสะอาด สบายตา เข้ากับทุกสไตล์ของห้อง

• หน้าต่างและประตูบานเลื่อนกระจกสีดำ

เหมาะกับห้อง หรือมุมทำงานที่มีพื้นผนังสีดำ ขาว เทา หรือสีสันต่างๆ จะช่วยทำให้พื้นที่นั้นๆ ดูคลาสสิค ทันสมัย เหมาะกับการตกแต่งพื้นที่ด้วยแนววินเทจ โบฮีเมียน

• หน้าต่างและประตูบานเลื่อนกระจกสีชา

เหมาะกับห้อง หรือมุมทำงานที่มีพื้นผนังสีเข้ม เช่น น้ำตาล ดำ เทา ช่วยให้พื้นที่นั้นๆ มีความสุขุม หรูหรา เท่ และมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร

2.  เลือกโต๊ะทำงาน และเก้าอี้นั่ง ที่มีขนาดเหมาะสมกับตนเอง 

การที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องทำให้ตัวเราเองรู้สึกสบายขณะทำงานด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้สามารถนั่งทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่เสียสุขภาพ และไม่ลดทอนศักยภาพในการทำงานได้ 

• เลือกใช้โต๊ะทำงานที่มีความกว้าง ความยาว และมีพื้นที่เพียงพอในการทำงานของเรา พร้อมเลือกความสูงของโต๊ะทำงานให้เหมาะกับตนเอง ไม่สูงหรือต่ำเกินไป และเลือกสีโต๊ะทำงานที่ชอบหรือเหมาะกับสีห้องหรือมุมทำงานนั้นๆ โดยอาจเลือกใช้โต๊ะแบบมีลิ้นชักเปิด-ปิด เพื่อเพิ่มพื้นที่การเก็บสิ่งของได้ ทำให้ของต่างๆ ไม่วางบนโต๊ะทำงานเยอะจนมองแล้วเกะกะ หรือไม่สบายตาได้

• เลือกใช้เก้าอี้นั่งที่มีความสูงพอดีกับโต๊ะทำงาน เช่น เก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ปรับระดับความสูงได้ มีที่รองรับหลัง หรือพนักพิง และที่วางแขน ช่วยทำให้คุณสามารถนั่งทำงานได้อย่างสบายและนั่งได้ยาวนานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่ปวดหลัง หรือเสียบุคลิกภาพได้

3. ตกแต่งบริเวณมุมทำงาน ด้วยสิ่งของที่ชอบ หรือสิ่งที่ทำให้มีแรงบันดาลใจ

เพราะการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ชอบ ท่ามกลางสิ่งที่ดีต่อใจและร่างกาย จะช่วยให้คุณมีแรงพร้อมในการทำงาน และช่วยสร้างแรงบันดาลใจต่างๆ ในการทำงานได้ ฉะนั้นควรตกแต่งมุมทำงาน หรือบรรยากาศภายในห้องให้น่าอยู่ตามสไตล์ที่ตนเองต้องการ และเหมาะกับการทำงาน 

โดยอาจมีการตกแต่งด้วยสิ่งของต่างๆ เช่น 

• กรอบรูปภาพครอบครัว หรือคนที่คุณรัก 
• ตุ๊กตาตัวโปรด
• ข้อความให้กำลังใจตัวเอง หรือข้อความช่วยพัฒนาตัวเอง 
• กระดาษโน้ตและเครื่องเขียนต่างๆ ที่คุณชอบ

4. มีอุปกรณ์ช่วยจัดระเบียบให้กับมุมทำงาน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอุปกรณ์และสิ่งของมากมายในการทำงาน เช่น สมุด หนังสือ ปากกา โพสอิท สายไฟ สายชาร์จ เป็นต้น การหากล่องเก็บของ หรือภาชนะที่ช่วยจัดสรรสิ่งของเหล่านี้ให้เป็นระบบระเบียบ เข้าที่เข้าทาง และสามารถหยิบจับมาใช้งานได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอีกหนึ่งอย่างที่จะช่วยให้มุมทำงานของคุณน่าทำงานยิ่งขึ้น ดูเป็นระเบียบ สบายตา ไม่เกะกะ หรือเปลืองพื้นที่ทำงานไปโดยเปล่าประโยชน์

ซึ่งมีเคล็ดลับในการเลือกใช้กล่องหรือภาชนะ ดังนี้

•  กล่องหรือภาชนะแบบไม่มีฝาปิด

เหมาะกับสิ่งของที่ต้องการใช้งานเป็นประจำ สามารถหยิบใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น ปากกา สมุดโน้ต กระดาษโพสอิท สายชาร์จโทรศัพท์ หรือโน้ตบุ๊ค เป็นต้น ช่วยเอื้อความสะดวกต่อการทำงานได้อย่างดี

• กล่องหรือภาชนะแบบมีฝาปิด

เหมาะกับสิ่งของที่ไม่ต้องการหยิบใช้งานบ่อยนัก หรือใช้งานนานๆ ที ควรใช้แบบมีฝาปิด เพื่อป้องกันฝุ่นละออง สิ่งสกปรกต่างๆ  ติดตามสิ่งของ และเพื่อคงสภาพของสิ่งของนั้นๆ ไว้ให้สามารถใช้งานได้อีกต่อไปในอนาคต

5. มีพื้นที่ในการเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวันทำงาน

เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิด Office Syndrome จึงควรมีการจัดมุมพื้นที่ที่เอื้อต่อการพักผ่อนร่วมด้วย เช่น การจัดมุมโซฟาที่มีต้นไม้สีเขียวประดับตกแต่ง พร้อมเทียนหอมให้คุณได้ละสายตาจากการทำงาน ไปมองต้นไม้สีเขียวสบายตา และสูดดมกลิ่นหอม ทำให้คุณได้รู้สึกสดชื่น และผ่อนคลาย ช่วยเพิ่มกำลังในการทำงานต่อไปได้

หรืออาจติดตั้งประตูสไลด์ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้รู้สึกปลอดโปร่ง โดยสามารถแบ่งมุมต่างๆ ของห้องทำงานของคุณออกเป็นส่วนๆ ให้ดูโล่งสบาย ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และไม่แออัดจนเกินไป สามารถติดตั้งได้ทั้งจำนวนแบบ 1 บาน 2 บาน 3 บาน และตามขนาดพื้นที่ของคุณ ดังนี้

• ประตูสไลด์ แบบ 1 บาน

เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด ไม่ใหญ่ และไม่กว้างมากนัก ใช้งานโดยการสไลด์เลื่อนเปิด-ปิดได้ทางเดียว ซ้ายหรือขวาเท่านั้น ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดมุม และทำให้ห้องดูกว้างขึ้น สบายตา ไม่อึดอัด

• ประตูสไลด์ แบบ 2 บาน

เหมาะกับพื้นที่ที่มีขนาดกว้างระดับปานกลาง ใช้งานโดยการสไลด์เลื่อนเปิด-ปิดได้สองทาง ทั้งทางซ้ายหรือทางขวา ช่วยทำให้ห้องนั้น แบ่งออกเป็นส่วนๆ ได้ดีมากขึ้น 

• ประตูสไลด์ แบบ 3 บาน

เหมาะกับพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ ต้องการแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ทำให้ดูโล่ง โปร่งสบาย ด้วยการใช้งานแบบสไลด์เลื่อนเปิด-ปิดในแนวเดียว ซ้ายหรือขวาเท่านั้น สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้แบบ 1 , 2 หรือ 3 บานทั้งหมดได้ ทำให้ดูทันสมัย และมีลูกเล่นมากขึ้น

6. เปิดเพลงหรือเสียงดนตรีฟังระหว่างการทำงาน 

การเปิดเพลง หรือเสียงดนตรีเบาๆ ฟังในระหว่างการทำงาน จะช่วยให้คุณมีอารมณ์ที่ผ่อนคลาย ไม่เครียด  สงบ และมีสมาธิจดจ่อในการทำงานมากยิ่งขึ้น เช่น ฟังเสียงดนตรีจากธรรมชาติ เพลงบรรเลงคลาสสิค เพลงสนุกๆ ปลุกใจ หรือเพลงแนวต่างๆ ที่คุณชอบ จะส่งผลกระตุ้นการทำงานของคุณให้ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพ และเกิดไอเดียความสร้างสรรค์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี 

7. หมั่นทำความสะอาดโต๊ะทำงาน หรือบริเวณห้องทำงานในทุกๆ วัน

เพราะความสะอาดเป็นเรื่องพื้นฐานและเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในการทำงานโดยมีบรรยากาศที่ดี และสะอาดสดชื่น จะช่วยให้คุณทำงานได้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่อาศัย น่านั่งทำงาน เราจึงควรหมั่นทำความสะอาดโต๊ะทำงาน มุมทำงาน หรือห้องทำงานนั้นๆ ให้ดูสะอาดหมดจดอยู่เสมออย่างเป็นประจำทุกวัน ทำให้ช่วยส่งผลดีต่อสุขภาพ และประสิทธิภาพในการทำงานของคุณได้

หากท่านใดกำลังสนใจที่จะสร้างหรือต่อเติมบ้านและมุมทำงานของคุณเอง การเลือกติดตั้งหน้าต่างและประตูบานเลื่อนกระจก จาก Window Asia ก็เป็นตัวเลือกดีๆ ที่จะทำให้บริเวณนั้นๆ ของคุณดูสวยงาม สบายตา และน่าอยู่มากขึ้นได้ เหมาะกับการเป็นมุมหรือห้องโปรดในการทำงานอย่างแท้จริง